ความรักสีดำ
โดย เชียร บางบอน
บ้านที่อยู่อาศัยของผมนั้นเป็นทาวน์เฮ้าส์สองชั้นหลังเล็กๆอยู่ในย่านบางบอน สถานที่แห่งนี้ชื่อบางบอนแต่อยู่ในเขตภาษีเจริญ และต่อมาชุมชนหนาแน่นมากขึ้นจึงมีการแบ่งเขตใหม่กลายเป็นเขตบางแค แต่ซอยที่ผมอยู่ก็ยังใช้ชื่อบางบอน ซึ่งก็เป็นชื่อที่ผมใช้ในการเขียนบทความที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์ ทำเลที่ผมอยู่นั้นสมัยที่ผมอยู่ยังมีสวนไม้ตัดดอกและสวนผักแวดล้อมอยู่ แต่พอผ่านไปไม่นานนัก ก็เริ่มมีการสร้างอาคารโรงงาน และอาคารพาณิชย์แวดล้อมหมู่บ้านที่ผมอยู่ สถานที่สงบก็เริ่มจอแจด้วยมีคนงานจากที่ต่างๆอพยพเข้ามาอาศัยเพื่อสะดวกกับการทำงานในโรงงานในย่านข้างเคียง สถานที่อยู่ของผมจึงมีสิ่งแวดล้อมที่เป็นมลพิษทางสายตาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ต้องร้องหาหลวงท่านหรอกเพราะท่านก็คงไม่มีเวลามาดู แค่น้ำมันที่ขึ้นอย่างบ้าคลั่งก็ชวนปวดหัวอย่างหนัก ขนาดที่รัฐมนตรีบางท่านต้องป่วยเพราะโรคความดันสูงทีเดียว
ผมเองเคยมีอาชีพเป็นพ่อพิมพ์ของชาติแต่เพราะการปฏิรูปการศึกษา การปรับโครงสร้างทางด้านการศึกษาที่ท่านนักวิชายืนยันว่าจะทำให้การศึกษาของชาติดีขึ้นนั้น มันค้านกับสิ่งที่ผมเห็นคุณภาพของนักเรียนเริ่มลดน้อยถอยลง ไม่รู้ว่าจะเกิดจากการปฏิรูปหรือเกิดความไม่มีสมรรถภาพของผมที่เป็นผู้สอนกันแน่ จึงทำให้ผมต้องตัดสินใจเดินออกมาจากเส้นทางเรือจ้าง หันมาหาอาชีพใหม่ที่เป็นธุรกิจส่วนตัว และพอที่จะมีความรู้ทางโหราศาสตร์ติดตัวมา จึงมีโอกาสที่จะได้ใช้เความรู้นี้ขีดๆเขียนๆเล่าประสบการณ์ที่ผ่านพบมาหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว
ชีวิตของผมนั้นต้องสัมผัสกับวัยรุ่นอยู่เสมอเนื่องจากอาชีพบังคับ ผมมองเด็กเหล่านี้เติบโตมีความสำเร็จจบการศึกษาไปก็มาก ที่ไม่จบการศึกษาชีวิตล้มเหลวลงก็มีไม่น้อย บางส่วนก็อาจจะถึงแก่ชีวิตเพราะความคึกคะนองสร้างความอาลัยแก่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังโดยที่เจ้าตัวลูกไม่รู้และไม่มีโอกาสที่จะตื่นขึ้นมารับรู้ด้วย บ่อยครั้งที่ผมต้องกลั้นน้ำตากับภาพที่สะเทือนใจระหว่างพ่อแม่และลูก ชีวิตของผมก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ อย่างวันนี้ผมเดินไปที่ริมคลองในยามเช้าเพื่อใส่บาตรพระที่พายเรือมาบิณฑบาตรริมคลอง พบป้าแช่มที่เป็นแม่ค้าเร่ขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด แกยืนจดๆจ้องๆรอผมใส่บาตรอยู่จนผมสังเกตุเห็น นึกๆก็ขำแกทำท่าทีเหมือนจะเปลี่ยนจากแม่ค้าเร่หันมาเป็นเหมือนคนติดตามทวงหนี้คอยจดๆจ้องๆไม่ยอมพูดยอมจาค่อยแต่อ้ำๆอึ้งๆอยู่ จนผมใส่บาตรเสร็จก็ร้องทักไป
นี่ป้าแช่มใครจ้างมาทวงหนี้ผมรึเปล่า เห็นยืนดักหน้าดักหลังอยู่ตั้งนานไม่พูดไม่จา ผมอดสัพยอกแกด้วยความที่เป็นคนที่อยู่ละแวกบ้านเดียวกันไม่ได้
เปล่าหรอกอาจารย์ ป้าไม่ใช่คนทวงหนี้นี่นา แต่วันนี้มีเรื่องกลุ้มใจอยากปรึกษาอาจารย์หน่อย ไม่รู้ว่าอาจารย์จะว่างตอนไหน
ทีท่าของป้าแช่มดูเครียดๆไม่สบายใจ ปกติแกเป็นคนที่คุยสนุกประสาคนที่โตในชนบทที่มีน้ำใจ และเป็นมิตรกับคนง่าย แต่วันนี้แม้แต่รอยยิ้มก็เป็นเรื่องที่แกพยายามฝืนปั้นเพื่อเป็นมารยาทเท่านั้น อาการแบบนี้ก็พอคาดเดาได้ว่าแกต้องมีเรื่องทุกข์แน่นอน
ป้ามีเรื่องอะไรเร่งด่วนกับผมหรือเปล่าล่ะ ผมรีบถามเรื่องที่แกต้องการทราบ
ป้าร้อนใจเรื่องไอ้น้อยมันน่ะ อยากจะปรึกษาอาจารย์ เพราะเห็นว่าพอดูดวงได้
ไอ้น้อยที่แกพูดถึงเป็นลูกสาววัยสาวรุ่น ซึ่งกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในย่านใกล้เคียง มองหน้าแกแล้วก็พอรูว่าแกร้อนใจจริงๆ จึงนัดแกให้ไปหาตอนสายๆหลังจากผมทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว
ผมทานอาหารเช้าเสร็จสักพักก็เห็นป้าแช่มเดินมากดกริ่งที่หน้าประตูบ้าน จึงรีบลุกไปเปิดประตูเชิญแกเข้ามานั่งในบ้าน แม่บ้านทักทายแกเล็กน้อยก็เดินเลี่ยงไปเพราะผมได้บอกไว้แล้วว่าป้าแช่มแกมีเรื่องจะมาปรึกษา ปล่อยให้ผมพูดกับป้าแช่มตามลำพัง
หนูน้อยของป้ามีปัญหาอะไร ก็เห็นเรียนอยู่ไม่ใช่หรือ
ก็เรื่องนี้แหละที่ป้ากลุ้มใจ เทอมที่ผ่านมาผลการเรียนแกตกต่ำลงมาก จนอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกป้าไปพบ บอกให้ช่วยสอดส่องดูแลลูกสาวป้าให้ดีๆหน่อย แกเคยเป็นเด็กเรียนดีมาก่อน พอผลการเรียนแกตกลง เกรงว่าจะไปทำเรื่องเสื่อมเสีย
ป้าแช่มส่งใบแจ้งผลการเรียนมาให้ผมดู เพราะแกเองก็ดูได้เพียงแค่ว่าผลการเรียนไม่ดี ส่วนผมนั้นพอมองไปที่ใบแจ้งผลการเรียนก็พอทราบทันทีว่าลูกสาวป้าแช่มนั้น ที่ผลการเรียนตกลงนั้นไม่ใช่มาจากเรื่องสติปัญญาไม่ดี แต่มาจากการขาดเรียน ตามปกติใบแจ้งผลการเรียนนั้น ถ้าผู้ปกครองหมั่นตรวจดูด้วยตนเองนั้นก็พอทราบพัฒนาการของบุตรหลานได้เป็นอย่างดี เด็กที่เรียนอ่อนนั้นจะผลการเรียนเป็นศูนย์ ส่วนเด็กที่ไม่สนใจไม่เข้าเรียนจนเวลาเรียนไม่พอนั้นผลการเรียนจะแจ้งเป็น ข.ร. หรือที่เรียกว่าขาดเรียนไม่มีเวลาพอสอบปลายภาค ซึ่งก็มีค่าเป็นศูนย์เหมือนกัน แต่แบบนี้แสดงว่าเด็กกำลังออกนอกลู่นอกทาง ยิ่งถ้าเด็กแต่งกายมาโรงเรียนทุกวัน แต่ผลออกมาแบบนี้แล้ว ถ้าผู้ปกครองลองตรวจเช็คให้ดี จะพบว่าเด็กกำลังจะเริ่มมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปในทางเสีย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชู้สาว ติดยาเสพติด ติดเที่ยว ติดพนันหรือติดเหล้า รวมที่เราเรียกว่าอบายมุขนั่นแหละ ถ้าผู้ปกครองไหวตัวทันก็สามารถรักษาลูกหลานของตัวเองได้ แต่ถ้าไหวตัวไม่ทันก็หมายความว่าลูกรักลูกขวัญของท่านกำลังเป็นภาระของท่านและครอบครัว และกลายเป็นปัญหาของสังคมต่อไปข้างหน้า
ลูกสาวป้ามีปัญหาจริงๆนั่นแหละ แล้วป้าเคยถามแกหรือเปล่าทำไมผลการเรียนเป็นแบบนี้ ผมไต่ถามดูว่าป้าแช่มแกพอรู้สาเหตุหรือเปล่า
ป้าก็ถามแกแล้ว แกบอกว่าไม่ชอบครูที่สอนมาจู้จี้แก คอยจับผิดแกเรื่องแต่งตัวผิดนิดๆหน่อยๆ แกเลยเบื่อเรียน ป้าแช่มแกเล่าตามที่ลูกสาวบอก
ป้า เรื่องคงไม่ใช่แบบนี้แน่นอน ป้าเคยลองไปพูดกับครูที่ปรึกษาของแกบ้างรึเปล่า
ผมซักไซ้ป้าแช่มเพื่อหาเหตุที่แท้จริง ตามธรรมดาแล้วครูอาจารย์คงไม่คิดที่จะกลั่นแกล้งลูกศิษย์แน่ๆ โดยเฉพาะเรื่องเครื่องแต่งกายเป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเหล่าครูอาจารย์ทีเดียว ผู้ปกครองหลายคนมักจะถามครูอาจารย์ที่เข้มงวดเรื่องเครื่องแบบว่า ระหว่างเสื้อผ้าที่ถูกต้องตามระเบียบนั้นกับการสอนที่ดีของครูอาจารย์ แบบไหนจะมีผลทำให้สติปัญญาของเด็กดีขึ้นได้มากกว่ากัน เรื่องเสื้อผ้าจึงเป็นเรื่องที่ทุ่มเถียงกันไม่รู้จักจบ ถ้าเรามองเรื่องนี้ให้ดีดตรึกตรองไปตามเหตุและผล จะพบว่าการแต่งเครื่องแบบนั้นทำให้ผู้ปกครองประหยัด และไม่ทำให้เกิดการแข่งขันกันในหมู่นักเรียน ซึ่งอาจจะทำให้เด็กบางคนเกิดปมด้อยในการที่ไม่สมารถหามาแต่งแข่งกับเพื่อนได้ ทั้งยังสอนให้เด็กฟุ้งเฟ้อ ส่วนเรื่องที่สำคัญกว่าก็คือนักเรียนที่ไม่สามารถแต่งกายให้ถูกระเบียบได้นั้น แสดงให้เห็นภาพว่าเป็นเด็กที่ไม่มีวินัย ไม่มีระเบียบ ไม่เคารพกฎเกณฑ์ ขาดความอดทน นักเรียนที่มีคุณสมบัติแบบนี้ถึงแม้จะฉลาดเพียงใด เมื่อจบไปแล้วจะมีปัญหากับการประกอบอาชีพ เพราะไม่เคยฝึกวินัย ความอดทน ในที่สุดเด็กพวกนี้จะติดนิสัยขาดความอดกลั้น เปลี่ยนงานบ่อย อารมณ์เสียง่าย ทะเลาะวิวาทได้ง่าย ถ้าทุกคนสังเกตให้ดี เราจะพบเด็กรุ่นใหม่เป็นแบบนี้ฉลาดแต่ไม่มีวินัยและขาดความอดทน เพราะผู้ปกครองไม่เคยที่จะกำหนดกรอบกำหนดวินัยให้เด็กต้องปฏิบัติตาม บางเรื่องเราต้องปล่อยให้เด็กมีอิสระที่จะคิดด้วยตนเอง เช่นการเรียน การทำงาน ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับวินัย ระเบียบจะบ่อยให้เด็กทำตามอำเภอใจไม่ได้ น้ำที่ไหลในคลองนั้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่จำกัด ส่วนน้ำหลากที่ไหลนอกลำคลองนั้นนอกจากจะใช้ประโยชน์ไม่ได้ ยังทำความเสียหายให้กับทรัพย์สินที่มันไหลผ่านฉันใด ก็เปรียบเหมือนเด็กที่ไม่มีกรอบของวินัยก็ฉันนั้น และโดยที่ผมเป็นคนที่มีอาชีพรับจ้างเป็นผู้อบรมสอนคนมา ผมได้มองพฤติกรรมของวัยรุ่นที่เปลี่ยนไปแบบหดหู่ถึงอนาคตของชาติด้วย
ป้าไม่เคยไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาของลูกเลย ป้าไม่มีเวลาต้องไปกับลุงตระเวนขายเสื้อผ้าเร่ไปเรื่อย เงินทองเดี๋ยวนี้มันหายากจริงๆ ไม่รีบทำตอนที่ป้ากับลุงมีแรงก็ไม่รู้จะหาตอนไหน เดี๋ยวเปิดเทอมลูกก็จะต้องใช้เงินอีกมาก ไม่รู้ลูกจะเข้าใจป้ากับลุงรึเปล่า
เสียงของป้าแช่มแผ่วลงมีเสียงสั่นพร่าเจืออยู่ ป้าแช่มพยายามเก็บอารมณ์ที่น้อยใจลูกสาวอย่างเต็มกลั้น ประกายตาของแกเริ่มมีประกายรื้นของน้ำตาซึมออกมา เสียงที่แผ่วเงียบลงไป ทำให้คำพูดที่ผมคิดจะตำหนิแกต้องหยุดลง ใบหน้าที่คล้ำด้วยแดดอย่างนักสู้ชีวิตของแก ทำให้ผมต้องพลอยกลั้นอารมณ์ที่รู้สึกสงสารแกลงไปด้วย จะมีลูกสักกี่คนจะรู้ว่าความห่วงหาเอื้ออาทรของบุพการีนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน แม้จะผิดหวังกับลูกเพียงใดก็พยายามกล้ำกลืนไว้ในใจของตนเองไม่บอกเล่าให้ลูกต้องมารับรู้ ชีวิตที่ต้องดิ้นรนอยางปากกัดตีนถีบนั้นย่อมที่จะหาเวลาที่มาใส่ใจลูกได้อย่างเต็มที่ เพราะความอยู่รอดและอยากให้ลูกได้ดีจึงต้องจำทนกับชีวิตแบบนี้
ป้าอยากให้ผมช่วยอะไรล่ะ ความสงสารและอยากช่วยแกทำให้ผมต้องถามถึงความต้องการของแกที่มาพบผม
ป้าอยากให้อาจารย์ช่วยเช็คดวงแกว่าจะพอเรียนจบกับเขาไหม แล้วป้าพอพึ่งพาแกได้รึเปล่า แกเป็นลูกคนเดียวของป้าจะดีชั่วแค่ไหน บั้นปลายชีวิตของป้าต้องฝากผีฝากไข้ในตัวแกด้วย

ผมขอวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฝากเพื่อมาผูกดวงตามความถนัดของผม ดวงลูกสาวป้าแช่มมีลัคนาอยู่ในราศีสิงห์ อายุย่าง 21 ปี แกเกิดวันจันทร์ เดือนเจ็ด ปีกุน คนที่เกิดในราศีสิงห์นั้นมักจะเป็นคนที่มีนิสัยทิฐิสูงมาก บทที่จะดื้อก็ดื้ออย่างสุดฤทธิ์สุดเดชทีเดียว บทจะรักก็รักอย่างมากมายไม่สนใจเหตุผลหรือความเหมาะสมอะไรทั้งสิ้น คนเกิดในราศีนี้จะมีจุดเสียหายอยู่ 2 เรื่องที่ต้องระวัง คือ เรื่องแรกมักจะเกิดมีปัญหากับผู้ใหญ่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ หรือหัวหน้างาน มักจะเกิดความขัดแย้งรุนแรงด้วย เรื่องที่สองคือเรื่องความรักมักอาภัพไม่สมหวังอยู่เสมอ โดยสามารถแยกเรื่องให้ละเอียดขึ้นคือ ถ้าเกิดวันจันทร์จะเป็นคนก่อเรื่องขึ้นเอง แต่ถ้าเกิดวันพุธ พ่อ แม่ หรือหัวหน้าจะเป็นคนก่อเรื่อง ส่วนถ้าเกิดวันศุกร์จะมีแต่เรื่องเสื่อมเสียเกี่ยวกับความรักเสมอ
ลูกสาวป้าแช่มเกิดวันจันทร์ส่อแววว่าจะเป็นคนที่ก่อเรื่องด้วยตนเองด้วยความดื้อรั้นแน่นอน พอมองวัยของแกก็น่าจะสนใจในเรื่องปัญหาทางด้านความรัก พิจารณาจิตใจของแกอยู่ในอิทธิพลดาวราหู จึงมักจะเป็นงมงายลุ่มหลงในสิ่งต่างๆที่ตนเชื่อมั่นทางพระเรียกว่ามีอวิชชาหรือโมหะครอบงำจิตใจ ดาวราหูนั้นตามคัมภีร์โหราศาสตร์ไทยกล่าวว่าสร้างจากผีโขมด 12 ตัว แสดงถึงความร้ายแรงของราหูที่เป็นเรื่องลุ่มหลงอย่างหนัก แต่ก็แปลกคนในยุคนี้กลับหันมาบูชาราหู แทนที่จะไปกราบไหว้พระกัน เมื่อพิจารณาพื้นฐานดวงลูกสาวป้าแช่มแกแล้ว ก็มีความมั่นใจว่าน่าจะเป็นเรื่องความรัก ความงมงายแน่นอน จึงหันไปตรวจสอบเหตุการณ์ปัจจุบันว่าใช่เรื่องที่คาดเดาไว้หรือไม่ อายุของเธอย่าง 21 ปี อายุตกภูมิพุธ ดาวกาลีที่ใช้บอกเรื่องเสียหายประจำปีนี้คือดาวอังคาร ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องครอบครัว และเรื่องความก้าวหน้าของเธอ ส่วนเรื่องโชคนั้นคือดาว ราหูซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องความรัก คู่ครอง เราก็พอสรุปได้ว่าเรื่องไม่ดีเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัว ส่วนเรื่องโชคของเธอเป็นเรื่องความรัก ขั้นตอนต่อมาคือวินิจฉัยว่าเรื่องนี้จะเกิดในลักษณะไหน ซึ่งจะเป็นขั้นตอนของการพิจารณาดวงตามหลักวิชาที่ถ่ายทอดกันมา ในด้านครอบครัวนั้นอยู่ในมุมอริย่อมหมายถึงความขัดแย้ง ดาวราหูมามีอิทธิพลร่วมจึงสรุปลงไปได้ว่าเป็นความขัดแย้งเกี่ยวกับเรื่องความรักของคู่ครองของบุตรสาวของเธอนั่นเอง ตำแหน่งที่ให้โทษเป็นตำแหน่งอายุหรือตำแหน่งชีวิตของดวง จึงย่อมหมายถึงความขัดแย้งอาจจะหมายถึงชีวิตของบุตรสาวทีเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเองก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้ แต่เมื่อพิจารณาถึงบุคลิกของดวงชะตาย่อมเป็นไปได้ทีเดียว สีหน้าของผมคงเปลี่ยนไปจนป้าแช่มรู้สึกจึงถามขึ้นมาว่า
อาจารย์ลูกสาวป้ามันไม่ดีมากหรือเปล่าเห็นอาจารย์ดูแล้วเงียบจัง ป้าใจไม่ดีเลย
ป้าแช่มผมยังไม่แน่ใจ แต่รูปดวงมันดูเรื่องนี้น่าหนักใจทีเดียวขอเวลาดูให้แน่ๆอีกนิดนะครับ
ผมตอบป้าไปตามตรงแต่ยังไม่บอกถึงเรื่องที่ผมกังวลอยู่ ดาวราหูอยู่ในตำแหน่งที่สัมพันธ์ถึงตัวลูกสาวแสดงว่าลูกสาวอยู่ในช่วงมีความรัก มีดาวมฤตยูสัมพันธ์ถึงจึงหมายถึงมีแบบหลบๆซ่อนๆและหมายถึงความไม่ยั่งยืน ดาวคู่อยู่ในตำแหน่งอริจึงหมายถึงความรักมีอุปสรรคและเป็นเรื่องไม่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม ดาวราหูอยู่ในเรือนดาวพฤหัส ซึ่งดาวดวงนี้ทับลัคนาเกิดและมีอิทธิพลในสองด้านคือ เรื่องแรกก็เป็นเรื่องที่แกมีความรักอย่างงมงายและมุ่งหวังในเรื่องความสำเร็จอย่างมาก เพราะดาวพฤหัสอยู่ในตำแหน่งหลักฐานครอบครัว จึงส่งให้เธอต้องการมีเหย้ามีเรือนให้ได้ แต่ปีนี้พ่อแม่ของเธอจะเป็นอุปสรรคอย่างรุนแรง เนื่องจากดาวพ่อแม่เป็นดาวอังคารและทำหน้าที่กาลี และที่สำคัญดาวอายุของเธอกำลังอยู่ในมุมอริ และทับดาวตัวแทนพ่อแม่ที่เป็นกาลีอยู่ ทั้งดาวประจำตัวของเธอจะเข้ามุมขัดแย้งกับพ่อแม่ตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้ จากรูปดาวที่คุมชะตาจึงพอสามารถคาดหมายได้ว่าลูกป้าแช่มคงมีความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มแล้ว และมุ่งมั่นที่จะมีคู่เป็นหลักเป็นฐานแทนที่จะอยู่แบบหลบๆซ่อนๆ และเรื่องนี้จะเป็นเหตุให้ทะเลาะกับพ่อแม่อย่างรุนแรง โดยเฉพาะพ่อของเธออาจจะถึงกับใช้กำลังกับเธอก็เป็นได้ หันมาดูทางคู่รักก็มีดาวคู่มิตรทับอยู่และทำหน้าที่เป็นคู่ชู้ด้วย ย่อมหมายถึงคนรักเธอก็อยู่ในช่วงจับปลาสองมือ คือมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นด้วยเช่นกัน
ผมตอบป้าไปตามตรงแต่ยังไม่บอกถึงเรื่องที่ผมกังวลอยู่ ดาวราหูอยู่ในตำแหน่งที่สัมพันธ์ถึงตัวลูกสาวแสดงว่าลูกสาวอยู่ในช่วงมีความรัก มีดาวมฤตยูสัมพันธ์ถึงจึงหมายถึงมีแบบหลบๆซ่อนๆและหมายถึงความไม่ยั่งยืน ดาวคู่อยู่ในตำแหน่งอริจึงหมายถึงความรักมีอุปสรรคและเป็นเรื่องไม่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม ดาวราหูอยู่ในเรือนดาวพฤหัส ซึ่งดาวดวงนี้ทับลัคนาเกิดและมีอิทธิพลในสองด้านคือ เรื่องแรกก็เป็นเรื่องที่แกมีความรักอย่างงมงายและมุ่งหวังในเรื่องความสำเร็จอย่างมาก เพราะดาวพฤหัสอยู่ในตำแหน่งหลักฐานครอบครัว จึงส่งให้เธอต้องการมีเหย้ามีเรือนให้ได้ แต่ปีนี้พ่อแม่ของเธอจะเป็นอุปสรรคอย่างรุนแรง เนื่องจากดาวพ่อแม่เป็นดาวอังคารและทำหน้าที่กาลี และที่สำคัญดาวอายุของเธอกำลังอยู่ในมุมอริ และทับดาวตัวแทนพ่อแม่ที่เป็นกาลีอยู่ ทั้งดาวประจำตัวของเธอจะเข้ามุมขัดแย้งกับพ่อแม่ตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้ จากรูปดาวที่คุมชะตาจึงพอสามารถคาดหมายได้ว่าลูกป้าแช่มคงมีความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มแล้ว และมุ่งมั่นที่จะมีคู่เป็นหลักเป็นฐานแทนที่จะอยู่แบบหลบๆซ่อนๆ และเรื่องนี้จะเป็นเหตุให้ทะเลาะกับพ่อแม่อย่างรุนแรง โดยเฉพาะพ่อของเธออาจจะถึงกับใช้กำลังกับเธอก็เป็นได้ หันมาดูทางคู่รักก็มีดาวคู่มิตรทับอยู่และทำหน้าที่เป็นคู่ชู้ด้วย ย่อมหมายถึงคนรักเธอก็อยู่ในช่วงจับปลาสองมือ คือมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นด้วยเช่นกัน
ป้าแช่มลูกสาวป้าตอนกำลังเมารัก แกยังไม่มีสติ แถมก็จะผิดหวังในเรื่องความรัก จิตใจของแกคงรับไม่ได้ เรื่องที่แกผิดพลาดไปยังไม่ควรที่จะไปตำหนิติเตียน รอให้แกสามารถรักษาใจได้ก่อนจึงค่อยชี้ทางให้แก จะว่าไปลูกสาวของป้าก็เหมือนคนที่เดินอยู่บนเส้นทางที่ไม่เคยไป ย่อมมีโอกาสที่จะเดินผิดเส้นทางได้ แถมคนที่คอยนำทางแกก็ไม่มีเวลามาบอกทางแก เมื่อเดินผิดแล้วก็ย่อมสามารถแก้ไขได้ คนเราย่อมมีโอกาสผิดได้ แต่ก็ไม่สายไปสำหรับการแก้ไข เรื่องนี้ป้ากับลุงชิตห้ามใช้อารมณ์กับแกโดยเด็ดขาด เดี๋ยวเรื่องร้ายๆอาจจะเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึงก็ได้ ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วย ป้าก็มาปรึกษาผมก็ได้ไม่ต้องเกรงใจนะ
สายวันนั้นป้าแช่มออกจากบ้านผมไปด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจนัก แกรับปากว่าจะไปห้ามปรามสามีแกให้ใจเย็นๆในเรื่องนี้ และจะพยายามทำตามที่ผมบอก ผมมองตามหลังแกออกไปด้วยความเข้าใจและสงสารแก เพราะผมเองก็มีลูกอยู่ย่อมเข้าใจความรู้สึกของป้าแช่ม ได้แต่ภาวนาให้แกสามารถแก้ปัญหาในเรื่องลูกจบลงไปได้อย่างราบรื่นเถอะ
ค่ำวันจันทร์ผมขับรถกลับจากที่ทำงานเห็นคนเดินชุมนุมกันอยู่หน้าหมู่บ้านกันหนาแน่นผิดปกติ ความสงสัยทำให้ผมอดที่จะไขกระจกลงมาถามเพื่อนบ้านที่ร่วมชุมนุมอยู่ด้วยไม่ได้
ดำมีอะไรเกิดขึ้นหรือ ทำไมคนมามุงกันแน่นซอยอย่างนี้ ผมถามเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยอาศัยในหมู่บ้านเดียวกัน
อาจารย์ครับ ที่บ้านป้าแช่มลูกสาวแกผูกคอตายแน่ะครับ ไม่รู้ช่วยได้หรือเปล่า คำตอบของดำทำให้ผมตกใจ เพราะเรื่องนี้ผมก็คาดคะเนไว้ แต่ก็คิดว่าน่าจะแก้ไขได้เพราะได้บอกกล่าวกันล่วงหน้าแล้ว แต่ทำไมเรื่องจึงพลิกผันแบบนี้ จึงรีบหาที่จอดรถข้างซอยแล้วรีบเดินเข้าไปบ้านป้าแช่มเพื่อถามไถ่เหตุการณ์ แต่เมื่อเข้าไปถึง คำถามทีตั้งใจจะถามก็ต้องติดอยู่ในลำคอนั้น ภาพที่ผมเห็น คือภาพของของลุงชิตกอดลูกสาวที่ใบหน้าเขียวคล้ำ น้ำตาของลุงชิตไหลออกมาตามร่องแก้ม ไม่มีเสียงสะอื้น มีเพียงตาที่แกพยายามเพ่งมองลูกสาวที่แน่นิ่งไปแดงกล่ำ และมือที่สั่นเทาอยู่ตลอดเวลา ส่วนป้าแช่มก็คุกเข่าพยายามสั่นตัวลูกสาวพร้อมกับร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสารมีสภาพเหมือนคนขาดสติ
ลูก...ตื่นนะลูกนะอย่าทิ้งแม่ไป แม่ขาดลูกไม่ได้ ตื่นเถอะนะมีอะไรแม่จะช่วยลูกเอง ลูกจ๋า...เรามีกันแค่สามคนนะลูก ลูกอย่าจากแม่ไป ......แม่กับพ่อจะอยู่กับใครล่ะลูก.... ผมต้องเมินหน้าหนีพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อขึ้น กับภาพข้างหน้าที่สะเทือนใจ มันทำให้จิตใจของผมหดหู่ พี่สมบัติที่เป็นเพื่อนบ้านเดินเข้ามาตบไหล่ผมเมื่อสังเกตุเห็นผมเบือนหน้าหนี แกพูดปรึกษาผม
อาจารย์จะทำอย่างไรกันดี สงสารป้าแช่มกับลุงชิตนะ เสียงพี่สมบัติแผ่วหายไป อารมณ์ของแกก็คงไม่ต่างจากผมนัก ผมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา แล้วจึงบอกกับพี่สมบัติไปว่า
พวกเราคงต้องจัดการเรื่องหลังแทนลุงกับป้าแล้วล่ะ แกคงไม่มีสติทำอะไรแน่ๆ เดี๋ยวหาใครไปแจ้งความแล้วก็ไปติดต่อวัดไว้ พอเสร็จเรื่องคงต้องย้ายลูกสาวแกไปรดน้ำที่วัดก่อน คงทิ้งแบบนี้ไม่ได้ พี่สมบัติจึงหันไปพูดกับเพื่อนบ้าน ก็มีคนอาสาช่วยเหลือกันหลายคน
ผมไปงานสวดพระอภิธรรมทุกวัน ภาพที่เห็นที่สร้างความหดหู่คือภาพที่ป้าแช่มคร่ำครวญร้องไห้จนเป็นลมอยู่เสมอ ส่วนลุงชิตก็ไม่พูดไม่จาตาแกแดงจัด มองเพ่งแต่รูปลูกสาวที่วางอยู่หน้าที่ตั้งศพ ใครทักทายปลอบโยนแกแกก็จะผงกศีรษะรับแบบไม่มีจิตวิญญาณ ในวันฌาปนกิจลูกสาว มีการเปิดฝาโลงเพื่อดูหน้าลูกสาวเป็นครั้งสุด ลูกชิตได้หลั่งน้ำตาของแกออกมาพร้อมกับก้มลงไปจูบแก้มลูกสาวที่ไม่มีลมหายใจแล้ว ด้วยมือที่สั่นเทา ส่วนป้าแช่มก็ร้องไห้เหมือนคนขาดสติ เพื่อนบ้านต้องนำยาดมมาให้ดมพร้อมกับคอยปลอบใจ
อารมณ์รักของวัยหนุ่มวัยสาวนั้นรุนแรงมากมันสามารถพัดทำลายๆทุกสิ่งทุกอย่างที่ขว้างหน้าได้แม้แต่ชีวิตของตัว เรื่องที่เกิดขึ้นเพียงแค่ว่าลูกสาวไปหาคนรักและมีเรื่องทะเลาะกัน เพราะจับได้ว่าคนรักนอกใจ พอกลับถึงบ้านก็พบกับพ่อที่กำลังอารมณ์เสียเพราะมีเหตุกันมาก่อน จึงดุด่าลูกสาวอย่างรุนแรง ป้าแช่มพยายามเข้ามาห้ามปราม ก็เหมือนยิ่งยุ อารมณ์โกรธลูกสาวที่ไม่ได้ดังใจ ทำให้พาลไปถึงป้าแช่ม ที่พยายามไกล่เกลี่ย ลูกสาวก็โกรธพ่อ จึงหายเข้าไปในห้องแล้วเงียบไป ป้าแช่มก็มาปลอบลุงชิตเห็นลูกสาวเงียบไปก็คิดว่าเป็นการดีแล้วจะได้ไม่ทะเลาะกับพ่ออีก พอเย็นจึงเรียกลูกสาวลงมากินข้าลูกสาวก็เงียบไม่ตอบ ลุงชิตเห็นเรียกตั้งนานไม่ลงมาก็ไม่พอใจอารมณ์เสียอีก จึงขึ้นไปหมายจะไปดุด่าลูกสาวอีก ป้าแช่มจึงรีบไปห้ามปราม แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไป เห็นภาพที่พบในห้องลูกสาวก็คือภาพที่ลูกสาวผูกคอห้อยอยู่กับกระทงฝ้า ตัวได้เขียวคล้ำไปแล้ว พร้อมกับจดหมายที่ตกอยู่บนพื้น
กราบเท้าพ่อกับแม่
ลูกทำตัวไม่ดี ทำให้พ่อแม่เสียใจ ลูกทำตัวเลวเองที่ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ลูกขอชดใช้กรรมที่ลูกทำไว้ จะไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องมาเสียใจกับลูกสาวคนนี้อีก
รักพ่อกับแม่ ลูกน้อย |
ลูกสาวได้ตัดช่องน้อยไปแล้ว เพราะคิดว่าสิ่งที่แกทำเป็นเรื่องที่สามารถชดใช้ความผิดหวังที่เธอทำให้แก่พ่อแม่ของเธอแล้ว แต่แกลืมคิดไปถึงสิ่งที่แกทำด้วยการตัดช่องน้อยไป จะไปมีผลกับชีวิตยามชราของพ่อแม่ ท่านจะผ่านวันเวลาไปอย่างไร และบาดแผลที่เกิดในวันนี้จะเป็นภาพที่ตราตรึงอยู่ในจิตใจของคนแก่ตายายสองคน ที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย มันจะเป็นฝันร้ายที่เห็นภาพลูกสิ้นใจอยู่ในอ้อมแขนเพราะความไม่เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย นี่แหละพิษร้ายของความโกรธที่สามารถพัดพาให้ทุกสิ่งทุกอย่างพังทะลายลงไปได้ แม้แต่ชีวิตของลูกสาวคนหนึ่งที่ไม่มีทางหวนกลับมาอีกแล้ว............
**************************************
การพยากรณ์จรด้วยระบบทักษานั้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทักษาแบบใดก็ตาม เมื่อดาวอังคาร ดาว เสาร์ และดาวราหูทำหน้าที่เป็นกาลีจรในปีใด ปีนั้นเราถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงกับเรื่องความรุนแรงได้ง่าย และมักจะกลายเป็นเรื่องฆาตได้อย่างไม่คาดฝัน ในขณะเดียวกัน เมื่อดาวดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวราหู เป็นศรีจร ก็เป็นช่วงเวลาที่มีโชคหรือมีความสำเร็จ แต่ก็ต้องระวังตัวแปรที่อาจจะทำให้ผลการพยากรณ์แปรปรวนได้