บ้านฮวงจุ้ย : Fengshuihut
|
วิธีแลกลิงค์ :
คัดลอกโค้ดข้างล่างนี้ไปใส่ไว้ในเว็บของท่าน
ส่งเมล์บอกลิงค์ของท่านมาที่
admin@fengshuihut.com |
Web page counter
ประวัติอาจารย์ |
ประวัติอาจารย์หยังกง |
ประวัติอาจารย์จางจื่อน่ำ |
ประวัติอาจารย์ เซ้าคังเจี๋ย |
บทความของอาจารย์ท่านอื่นๆ |
บทความ อ.เชียร บางบอน |
บทความ อ.ฮิม เมืองเลย |
รวมลิงค์ |
sanook.com |
payakorn.com |
meesook.com |
hunsa.com |
pantip.com |
|
หาเวลาเลือกโอกาสเพื่อความสำเร็จ
หาเวลาเลือกโอกาสเพื่อความสำเร็จ โดย เชียร บางบอน
จากบทความที่ผ่านมาเราศึกษาได้เรียนรู้ถึงปัจจัยแห่งความสำเร็จมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยที่เกี่ยวกับนามธรรมคือ เรื่องชื่อ เรื่องทำเลหรือฮวงจุ้ย ส่วนปัจจัยที่เป็นรูปธรรมก็คือเรื่องการเลือกอาชีพ ถึงตรงนี้เราก็ถึงเรื่องสุดท้ายก็คือการเลือกโอกาสและเวลาที่เหมาะสม ในการเริ่มต้นในเรื่องต่างๆที่สำคัญสำหรับชีวิตเรา ตามปกติแล้วคนทั่วไปมักเข้าใจว่าการเลือกโอกาสที่ดี ก็คือการเลือกฤกษ์ยามที่ดี ตรงนี้เป็นความเข้าใจโดยทั่วไป จะว่าถูกก็ไม่ใช่ จะว่าผิดก็ไม่เชิง ตามที่ผมศึกษามานั้นอาจารย์ท่านมักพูดให้ได้ยินเสมอว่า ไอ้เชียรในเรื่องฤกษ์เรื่องยามนั้นเป็นเรื่องเวลาและโอกาสที่เหมาะในการทำงานหนึ่งๆเท่านั้น เมื่องานนั้นได้ทำผ่านไปแล้วฤกษ์ก็จบลงไป การหาฤกษ์ยามเป็นเพียงแค่ว่าได้ประกอบกิจการที่ต้องการได้สะดวกราบรื่น และเป็นความสุขใจของผู้ที่ทำการเท่านั้น ฤกษ์ยามที่หานั้นไม่สามารถที่จะครอบคลุมไปได้ชั่วชีวิตอย่างที่คนเราเข้าใจ ถ้าฤกษ์ยามสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตมนุษย์ได้มากมายขนาดนั้น เคราะห์กรรมของมนุษย์ย่อมไม่มี กฏแห่งกรรมก็คงใช้ไม่ได้ อิทธิบาทสี่ย่อมไม่มีความหมาย อาจารย์ท่านได้กรุณาอธิบายว่า สมมุติฤกษ์แต่งงาน การหาฤกษ์ก็ย่อมที่โหรจะคำนวณว่าคู่บ่าวสาวนั้นได้เวลาเหมาะที่จะครองเรือนกันในระยะนั้น และช่วงเวลาใดที่สามารถจัดงานได้ราบรื่นไม่มีอุปสรรค เพราะถ้าเกิดอุปสรรคหรือเกิดปัญหาขึ้น นั่นย่อมหมายถึงลางร้ายที่ทำให้คู่บ่าวสาวเกิดความกังวลและจะเป็นเครื่องบั่นทอนชีวิตคู่ทั้งสองไป ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้วลางนั้นอาจจะเกิดขึ้นก็ได้หรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ ซึ่งย่อมเกิดจากพื้นชะตาวาสนาของทั้งคู่นั่นเองหาได้เกิดจากเรื่องฤกษ์แต่งงานนั้นไม่ คนที่มีเกณฑ์ชะตาที่ต้องหย่าร้างแม้จะหาฤกษ์ให้ดีสักเพียงใดก็ย่อมที่จะเกิดเรื่องหย่าร้างได้ ถ้าทั้งสองฝ่ายตั้งอยู่ในความประมาท การหาฤกษ์จึงเป็นเรื่องของการเลือกเวลาที่เหมาะสมในการประกอบการงานที่พึงประสงค์ไม่ได้หมายถึงว่าฤกษ์นั้นจะสามารถลิขิตชะตากรรมได้ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือถ้าฤกษ์ยามสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนได้ การพยากรณ์ดวงชะตาหลังจากมีการใช้ฤกษ์นั้นก็ย่อมทำไม่ได้ แต่ที่พบเห็นมาแม้จะมีการหาฤกษ์ไว้แล้ว โหรก็ยังสามารถพยากรณ์ดวงชะตานั้นได้จากพื้นดวง เรื่องนี้ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าดวงชะตาเดิมนั้นยังสามารถใช้พยากรณ์ได้ครอบคลุมไปชั่วชีวิต แม้จะมีการหาฤกษ์มาอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่ยอมที่จะหาฤกษ์ให้แก่ผู้ใดทั้งนั้น จะว่าผมกลัวคำสาปแช่งในเรื่องฤกษ์หรือมันก็ใม่ใช่เหตุผล ผมเรียนโหราศาสตร์และคลุกคลีอยู่กับพระสงฆ์อยู่กับพระธรรมที่อาจารย์อบรมบ่มนิสัยควบคู่กับเรื่องโหราศาสตร์มานานนับปี ผมจึงเชื่อเพียงว่าเคราะห์กรรมอันใดที่จะเกิดกับเราได้นั้น ย่อมมาจากการทำกรรมของตัวเราเองไม่ได้มาจากผู้อื่น และไม่ได้มาจากเรื่องฤกษ์ยาม แต่จะว่าฤกษ์ยามไม่จำเป็นหรือไม่สำคัญก็ไม่ได้ เพราะเรื่องฤกษ์ยามเป็นเรื่องของวัฒนธรรม ประเพณี และความเชื่อของสังคมไทย การหาฤกษ์ยามจึงควรทำเพื่อความเป็นศิริมงคล แต่ไม่ใช้เชื่อมั่นในฤกษ์ยามนั้นจนตั้งอยู่ในวิถีแห่งความประมาท ซึ่งก็จะเป็นต้นเหตุแห่งความวิบัติ การให้ฤกษ์จึงเหมือนดาบสองคม โหรผู้ให้ฤกษ์เมื่อให้ไปแล้ว ในอนาคตข้างหน้าเมื่อเกิดเหตุอะไรแก่ผู้ใช้ฤกษ์ ย่อมถูกสาปแช่งต่างๆนานาอันเป็นเรื่องที่โหรผู้นั้นเกิดความไม่เป็นมงคลต่อชีวิต แม้จะพยายามใช้ความรู้อย่างเต็มความสามารถแล้วก็ตาม ทั้งนี้ย่อมไม่ได้หมายถึงพวกโหรพานิชย์ซึ่งไม่ได้ใช้ความรู้ การเลือกโอกาสเหมาะของผมที่จะเขียนต่อไปนี้จึงไม่ได้หมายถึงเรื่องฤกษ์ยาม แต่หมายถึงการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะกับการประกอบกิจการสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การลงทุน การแต่งงาน การมีบุตร ฯลฯ แต่ผมคงไม่สามารถเขียนให้ครอบคลุมได้ทุกเรื่อง คงเพียงเขียนได้แต่เพียงแนะนำให้ชี้แนะตามความรู้และความสามารถของผมเท่านั้น 1.การเลือกเวลาประกอบกิจการอะไรก็ตาม ย่อมต้องพิจารณาหาความพร้อมในเรื่องต่างๆ ซึ่งก็จะมี ปัจจัยองค์ประกอบต่างๆกัน แต่เราสามรถสรุปได้กว้างดังนี้ 2.เป็นช่วงเวลาที่ดวงของผู้นั้นกำลังดี แต่ต้องดีนานพอที่งานที่จะทำสามารถสำเร็จได้ ดังที่ประสงค์ด้วย 3. ต้องเลือกภพที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่จะทำไม่ถูกเบียนในระยะนี้ และต้องมีเวลานานพอที่กิจกรรมนั้นๆจะมีเวลาตั้งตัวด้วย 4. ถ้ามีหุ้นส่วนต้องพิจารณาถึงสภาพหุ้นส่วน ว่าสามารถที่จะเกื้อหนุนกันมากน้อยประการใด 5. พิจารณาถึงเรื่องทรัพย์สินเงินทอง ควรจะมีความมั่นคง พอที่จะดำเนินการได้ และมั่นคงได้นาน 6. ต้องพิจารณาถึงเป้าหมายของงาน ว่าเป็นเรื่องใด ต้องวางเป้าหมายนั้นให้มีความสำเร็จ และทั้ง 6 ข้อนี้เป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น เพื่อให้คนที่เริ่มศึกษาโหราศาสตร์มีหลัก หรือข้อคิดในการพิจารณาและศึกษาต่อไปข้างหน้า ตัวอย่าง สตรีผู้นี้เกิดวันจันทร์ 18 พ.ย. 2506 เวลา 10.00 น. ในปี 2548 เธอกับน้องสาว ตกลงใจที่จะหุ้นกัน เปิดร้านขายเสื้อผ้า โดยออกจากงานประจำทั้ง 2 คน ดวงนี้ผมวางดาวจรไว้ในวันที่ 17 พ.ย. 2547 ซึ่งเป็นวันที่เธออายุเต็ม 41 ปี ย่างเข้าสู่อายุย่าง 42 ปี จุดประสงค์ของเธอคิดเปิดร้าน ขายเสื้อผ้าผู้หญิง เราลองพิจารณาข้อมูลว่าควรทำ หรือไม่ 1. อาชีพขายเสื้อผ้านั้นเป็นอาชีพที่เกี่ยวกับ การตกแต่ง แฟชั่น ซึ่งก็คืออิทธิพลของดาว ๖ ดาว ๖ ของเธอเป็นนิจ กุมดาว ๑ เป็นกาลี เรื่องนี้จึงไม่เหมาะไม่ควรเป็นประการที่ 1 2. ดาว ๖ อยู่ในภพวินาศ สนิทองศากับดาว ๓ เจ้าเรือนวินาศ จึงไม่เหมาะเป็นประการที่ 2 3. ดาว ๖ องศาใกล้เคียงกับดาว ๗ คู่ศัตรูใหญ่ที่โยคอยู่ด้านหน้า เรื่องนี้ก็เป็นอุปสรรคมากเป็นประการอันดับที่ 3 แค่เหตุผล 3 ข้อนี้เราก็บอกได้ว่า เธอจะไม่ประสบความสำเร็จจากธุรกิจนี้อย่างแน่นอน การที่ดาวในดวงไม่ส่งเสริมอาชีพนั้น ก็เป็นเพียงแค่ว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะไม่ควรกับการประกอบอาชีพ แต่คนเราถ้าจะทำก็ย่อมสามารถทำได้ เพียงแต่ความเจริญรุ่งเรืองที่จะมีแก่อาชีพที่ไม่เหมาะนั้นมีผลไม่มากนัก แต่ในขั้นตอนนี้เราจะดูว่าเธอจะควรลงทุนในปี 2548 นี้หรือไม่ เธออายุย่าง 42 ปี ที่จริงผมใช้หลักวิชาเรื่องวัยจร อายุจรในราศีจักรในการพยากรณ์ แต่เพื่อให้ท่านผู้อ่านที่เรียน ในสายอื่น ๆ สามารถนำไปใช้ได้บ้างหลังจากอ่านบทความ ผมจึงเลือกวิชายอดฮิต ที่ทุกคนเรียนมาใช้ คือ 1. มหาทักษาเสวยอายุ เพื่ออ่านวัย เธอกับน้องสาว เปิดดำเนินธุรกิจในปี 2548 ซึ่งขณะนั้น ดาว ๗ เสวยอายุ และดาว ๕ แทรก 2. ทักษาจรแบบเข้าตากลาง (แบบมาตรฐานทั่วไป) ทักษาจรเข้าภูมิ ๘ การนำทักษามาใช้นั้นโดยเฉพาะทักษาเสวยอายุ คนทั่วไปจะรู้สึกว่าไม่ค่อยสะดวกใจนัก เพราะดาวอาทิตย์เสวยอายุก็นาน 6 ปี แบบนี้เวลาเรื่องดีเรื่องเสียนาน 6 ปีพอทำใจได้ แต่พอดาว ๖ เสวยอายุ ถ้าเป็นดาวดี เรื่องนี้ก็ค่อยกินได้นอนหลับเป็นอันดี แต่ถ้าเป็นดาวไม่ดีให้โทษ ก็ให้โทษตั้ง 21 ปี บางท่านคิดๆอยากไปเกิดใหม่ทีเดียว ที่เรียนโหราศาสตร์ ก็แทบจะหันหลังให้โดยสิ้นเชิง เรื่องแบบนี้คนที่เรียนโหราศาสตร์มาประเภทมือใหม่ๆ จะเข้าใจว่าเป็นแบบนั้น ตามขอเท็จจริงแล้ว ดาวที่เสวยอายุนั้นจะให้โทษได้ก็ต่อเมื่อมันถูกกระตุ้นให้ทำงาน แต่ยามปกติไม่มีการกระตุ้น ดาวนั้นก็จะสงบนิ่งไม่ได้ทำงานอะไร ก็เหมือนกับว่าไม่ได้เสวยอายุ ในขณะเดียวกัน การเสวยอายุ อย่างยาวนานนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีดีหรือเสียเลย แต่ท่านโหราจารย์รุ่นเก่าๆ ท่านได้ซอยเวลาลงเป็นส่วนย่อย เรียกว่าพระเคราะห์เสวยแทรก เมื่อจะเกิดโทษ ทั้ง 2 ส่วนนั้นจะต้องทำหน้าที่สอดประสานกัน เรื่องจึงจะเกิดทั้งดีและร้าย แต่พวกที่เรียนใหม่ ๆ ก็ไม่สู้จะเข้าใจ เวลาดาวเสวยอายุร้าย แต่เห็นคนดีเอา ๆ ก็ว่าหลักวิชานี้ใช้ไม่ได้ แต่พอเห็นดาวเสวยอายุว่าดี แต่คนกลับพบกับเรื่องวิบัติกลับมีความรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เห็นจะแม่น พาลเลิกใช้กันจำนวนมาก ถ้าเป็นไปได้ผมจะนำเรื่องทักษากลับมารื้อฟื้นอีกครั้งหนึ่ง ทั้งๆที่ผ่านมาผมพยายามสอดแทรกบทความเรื่องทักษาไว้ในนิตยสารโหราเวสม์ แต่ก็ไม่เคยเขียนเต็มรูปแบบสักที เอาเถอะน่าสักวันคงมีเวลามาเขียนให้เต็มที่ เรามาพิจารณาว่ายุคที่ดาว ๗ เสวยอายุนี้ดีหรือไม่ มาวิเคราะห์กันทีละข้อกันครับ 1. ดาว ๗ เสวยอายุนั้นเป็นเกษตรอยู่ในภพกดุมภะ ถ้าเราเอาคำว่าเกษตร มาวินิจฉัยนั้นย่อม แสดงว่เธอจะร่ำรวยเป็นปึกแผ่นเป็นหลักฐาน ดาว ๗ เสวยอายุตั้งแต่อายุ 40 50 ปี อะไรก็น่าจะดี แต่เรื่องมันไม่ง่ายดังนี้ การใช้ทักษษนั้นเป็นการวิเราะห์ดาว ผสมภพ สิ่งแรกที่ต้องเข้าใจก่อนคือ เวลาดาวเสวยอายุก็ดี แทรกก็ดี จะเริ่มนับทักษากันใหม่ ไม่สนใจทักษาเดิมทั้งสิ้น จะเกี่ยวก็เล็กน้อยทางที่ดีก็น่าจะไม่ต้องเกี่ยวกันจะดีกว่า 2. ดาว ๗ เป็นบาปเคราะห์ เมื่อเสวยอายุ ชีวิตก็เต็มไปด้วยความเครียด เหน็ดเหนื่อย ความยากลำบาก จึงจะสามารถสร้างหลักฐานได้ ดาว ๗ ถูกดาวบาปเคราะห์ 2 ดวงบีบ คือดาว ๘ และดาว ๐ ทำมุมบีบ ( ค่าองศาดาว ๘ เท่ากับ 18 และดาว ๐ เท่ากับ 16 ) วัย ๗ จึงไม่ใช้วัยที่จะตั้งตัวได้สะดวกสะบายนัก 3. ดาว ๗ มีค่าองศา 23 องศา ดาวที่มีองศาใกล้เคียง คือดาว ๒ ,๓ , ๖ · ดาว ๒ เป็นดาวเจ้าเรือนมรณะ ให้ผลเดือดร้อนเสียหาย และครองทักษาภูมิอุตสาหะจร ดาว ๗ + ๒ เป็นคู่พลัดพราก หมายถึงต้องเปลี่ยนงาน เปลี่ยนอาชีพ หรือล้มเหลวทางธุรกิจ · ดาว ๓ เป็นเจ้าเรือน ปุตตะ,วินาศ แต่เป็นเกษตรในภพวินาศ มีผลให้ เกณฑ์ชีวิตเต็มไปด้วยอุปสรรค แบบความล้มเหลว โดยเฉพาะเรื่องที่จะเกิดขึ้นใหม่ๆ (ปุตตะ) ดาว ๓ + ๗ เป็นคู่แตกแยก ชีวิตในช่วงนี้ย่อมมีอุปสรรคอย่างมาก ดาว ๓ ครองภูมิมนตรีทางทักษาจร หาคนพึ่งพาก็ยาก · ดาว ๖ เป็นเจ้าเรือนอริ ลาภะ เป็นดาวคู่ศัตรูกับดาว ๗ การหาความสำเร็จในวัยนี้ย่อมไม่ง่ายนัก ดาว ๖ เป็นศรี ความสำเร็จในเรื่องลาภผลการเงินย่อมต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก จึงจะมีความสำเร็จ 4. ปัจจุบันดาว ๗ จรอยู่ในภพมรณะ วัยในขณะนี้จึงเสียหาย ไม่เหมาะกับการเริ่มต้นสิ่งต่างๆทุกๆเรื่อง เป็นวัยที่ต้องระมัดระวัง ทั้งเรื่องความเดือดร้อน เสียหาย ทั้งที่จะเกิดกับทรัพย์สินและสุขภาพ 5. มาพิจารณาดาว ๕ ตัวแทรก ซึ่งจะแทรกตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. 2547 24 ก.ค. 2549 ซึ่งเป็นช่วงที่เธอเริ่มธุรกิจ ดาว ๕ เป็นเกษตร เจ้าเรือน ตนุ และพันธุเป็นเกษตร การเป็นเกษตร ย่อมหมายถึงความมั่นคง แต่ในปัจจุบันดาว ๕ จรเป็น ประ จึงย่อมหมายถึงว่าในปัจจุบันดาว ๕ ไม่ได้เป็นเกษตรในขณะนี้ กลับเป็น ประเกษตร ที่หมายถึงความไม่มั่นคงแทน ก็ริเริ่มสิ่งต่างๆจึงยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะนัก 6. ดาว ๕ แทรก จากเหตุผลในข้อ 5 ย่อมไม่ใช่เรื่องดี แต่พอเราหันมาใช้ทักษาจร โดยภูมิ ๕ ครองภูมิบริวาร ดาว ๗ เป็นกาลี เป็นเจ้าเรือนกดุมภะ จรเป็นมรณะ ย่อมหมายถึงการลงทุนเจ๊งแน่นอน ตัวดาว ๕ เป็นบริวาร( บริวารทางทักษานั้น ถือเป็นจุดเจ้าชะตาด้วย เปรียบเหมือนลัคนาจร ) ดาว ๕ จรเข้าภพกัมมะ ภูมิดาว ๔ มนตรีเป็นประ ไม่มีผู้ใหญ่สนับสนุน ดาว ๔ ภพกัมมะ อยู่ในภพวินาศ ย่อมไม่เอื้อ กับการลงทุนแน่นอน 7. ในขณะที่ดาว ๕ แทรก ดาว ๓ เป็นดาวครองภูมิ อุตสาหะ เป็นวินาศ ย่อมไม่เอื้อในการลงทุน ยกเว้นไปลงทุนนอกถิ่นฐานไกล เช่นจังหวัดไกล ( ยกเว้นสามจังหวัดภาคใต้ แฮะๆอันนี้ไม่ต้องอ้างหลักวิชานะครับ) หรือไปต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ดาว ๓ มีค่าองศาใกล้เคียงกับดาว ๗ กาลี และเป็นเจ้าเรือนกดุมภะ ดาว ๓ + ๗ อันนี้ท่านเรียกว่า คู่แตกแยก ข้อนี้ย่อมยืนยันว่าเจ๊งแน่นอน 8. ทักษาจรปีเข้าภูมิ ๘ ดาว ๕ แทรกเป็นกาลีปี แล้วริมาเริ่มกิจการในปีนี้ โชคร้ายก็ย่อมมาเยี่ยมมาเยือน ดาว ๕ ตนุ พันธุเป็นกาลีจนเข้ามภพมรณะ ย่อมหมายถึงล้มเหลวทั้งหลักฐาน สถานที่ และธุรกิจ ส่วนดาว ๒ ที่เป็นศรีจรก็เป็นนิจ อยู่ภพวินาศ คงไม่ต้องอ่านผลนะครับเรื่องจะเป็นอย่างไร เธอและน้องสาวขาดทุนอย่างหนักหลังจากเปิดดำเนินกิจการ เป็นผลให้ทุนสำรองที่เก็บหอมรอมลิบมาหมดสิ้น ยากที่จะทนต่อไปจึงพยายามเซ้งกิจการไป แต่ก็ไม่มีคนสนใจ จนถึงวันนี้ (18 ก.พ. 50 ) เธอและน้องสาวกำลังจะหันกลับไปเป็นลูกจ้างอีกครั้งหนึ่ง และนี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง ของการเลือกเวลาและหาโอกาสผิดพลาด การเป็นนักโหราศาสตร์ที่ดีควรศึกษารูปแบบการพยากรณ์ในเรื่องพยากรณ์ทั้งระยะสั้นระยะยาวให้คล่องแคล่ว เพราะเรื่องระยะสั้นนี้เป็นเรื่องที่สามารถสร้างความแปลกใจให้แกคนทั่วไปและทึ่งในความสามารถ และเรื่องระยะยาวนั้นเป็นประโยชน์ ในการวางแผนต่อชีวิตมากกว่าเรื่องระยะสั้น คราวหน้าผมจะยกตัวอย่างของคนที่ลงทุนและเลือกโอกาสที่เหมาะสมในการลงทุนและเป็นจุดให้เกิดความสำเร็จกับชีวิตของของพวกเขา ถ้าอย่างไรก็ช่วยโพสต์เรื่องติชมในเว็บนี้นะครับ ผมกำลังเขียนเรื่อง บริหารเวลา บริหารชีวิต ให้สำเร็จสไตล์โหราศาสตร์ ถ้าสนใจช่วยเขียนเชียร์กันหน่อยนะครับ อย่าเป็นพลังเงียบเพราะทำให้ผมที่พยายามเขียนเรื่องราวต่างๆให้ท่านผู้อ่าน ต๊อแต๊ หมดไฟไปเสียก่อนนะครับ ซินเจียยู่อี่ซินนี้ฮวดใช้ครับ *************************** |