ตรุษจีน
- ประวัติความเป็นมาของวันตรุษจีน
ตรุษจีน หรือที่ชาวจีนเรียกว่า เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ (อักษรจีนตัวเต็ม: 春節, อักษรจีนตัวย่อ: 春节, พินอิน:
Chūnjíe ชุนเจี๋ย) หรือ ขึ้นปีเพาะปลูกใหม่ (อักษรจีนตัวเต็ม: 農曆新年, อักษรจีนตัวย่อ: 农历新年,
พินอิน: Nónglì Xīnnián หนงลี่ซินเหนียน) และยังรู้จักกันในนาม
วันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติ
เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีของชาวจีนในจีนแผ่นดินใหญ่และชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก
วันตรุษจีน คือวันขึ้นปีใหม่ของจีน (วันที่ 1 เดือน 1 ของวันจีน)
ถือเป็นเทศกาลใหญ่ที่ประหนึ่งรวมเทศกาลวันตรุษ และอาจรวมเทศกาล
ไหว้สิ้นปีเข้ากับเทศกาลวันตรุษ ซึ่งจะต่างกับวันไทย และวันสากลในขณะ
ที่วันของไทยเป็นวัน- ข้างขึ้น และข้างแรม เดือนหนึ่ง มี 30 วัน ของจีนจะ
เป็นเดือนสั้น และเดือนยาว เดือนสั้นมี 29 วัน เดือนยาวมี 30 วันวันจีนจะ
ช้ากว่าวันข้างขึ้นข้างแรมในปฏิทินอยู่ 2เดือนยกตัวอย่างวันไหว้พระจันทร ์
ตรงกับวันที่ 15 เดือน 8 เมื่อดูในปฎิทินจะเป็นขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 หรือ
สมมติว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2535 ตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 2 ก็คิดกลับ เป็นวัน
จีนจะเป็นวันที่ 8 เดือน 12จากนั้นนับต่อจากวันที่ 8 ไปเป็นวันที่ 9 เดือน 12
ของจีนคือวันที่ 1 มกราคม 2536 นับไปเรื่อยๆ จนครบวันที่ 30 เดือน 12 ของจีน
ซึ่งจะตรง กับวันที่ 22 มกราคม 2536ของไทยดังนั้นวัน ตรุษจีน คือ วันที่ 1 เดือน 1
ของจีน ก็ จะตรงกับวันที่ 23 มกราคม2536
- การไหว้ในวันตรุษจีน
วันสิ้นปีจะมีการไหว้หลายอย่าง นิยมเรียกว่า "วันไหว้"
มักเรียกวันก่อนหน้าวันไหว้ว่า "วันจ่าย"
เพราะเป็นวันสุดท้ายที่จะจับจ่ายซื้อของไหว้ของใช้ต่างๆ
ก่อนที่ร้านค้าจะปิดธุรกิจหลายวันการไหว้ตรุษจีนจะนิยม เรียกกันว่า
"วันชิวอิด" แปลว่า วันที่ 1 มีความน่าสนใจตรงที่ว่า คนจีนจะไหว้
"ไช้ซิ้งเอี๊ย" หรือ "เทพเจ้าแห่ง โชคลาภ"
ในเวลากลางดึก เมื่อเวลาย่างเข้าวันตรุษหรือวันชิวอิด ไช้ แปลว่า โชค ซิ้งและเอี๊ย
แปลว่า เจ้า นอกจากนี้เวลาไหว้ยังมีฤกษ์ยาม และทิศที่จะตั้งโต๊ะไหว้ โดยจะเป็นทิศ
และเวลาเฉพาะในแต่ละปี (
การไหว้ไช้ซิ้งเอี๊ย ประจำปี 2552) เพื่อความเป็นสิริมงคลของไหว้ จะไหว้ง่ายๆ ด้วยส้ม
และโหงวเส็กทึ้งกับน้ำชา
- ส้ม คนจีนเรียกว่า กา หรือ "ไต้กิก" แปลว่า โชคดี เพื่ออวยพรให้ลูกหลานโชคดี
และใช้ให้เป็นของขวัญ...นำโชคมามอบให้แก่กัน
- โหงวเส็กทึ้ง แปลว่า ขนม 5 สี ได้แก่ ถั่วตัด งาตัด ข้าวพอง ถั่วเคลือบน้ำตาล
และฟักเชื่อม บางทีก็เรียกว่า "ขนมจันอับ" หรือ "แต่เหลียง"
บางบ้านมีการไหว้อาหารเจแห้ง ให้แก่บรรพบุรุษด้วย
บางบ้านนิยมเปิดไฟไว้ที่ศาลเจ้าที่ "ตี่จู่เอี๊ย"
เพื่อรอรับวันที่เจ้าที่จะเสด็จกลับลงมาจากสวรรค์ใน วันที่ 4 เดือน 1
ของจีน
ตี่จู่เอี๊ย |
ไช้ซิ้งเอี๊ย |
 |
 |
ของไหว้
- ของไหว้เจ้าที่ ประกอบด้วย
- ของคาว หมู เป็ด ไก่ ตับ ปลา แล้วแต่ว่าจะไหว้มากหรือน้อย
- ไหว้ 3 อย่าง เรียกว่า ชุดซาแซ ประกอบด้วย หมู เป็ด ไก่
- ไหว้ 5 อย่าง เรียกว่า ชุดโหงวแซ ประกอบด้วย หมู เป็ด ไก่ ตับ ปลา
- ขนมไหว้ ฮวกก้วยหรือขนมถ้วยฟู คักท้อก้วยหรือขนมกุยช่าย (เป็น ไส้ชนิดใดก็ได้)
- ขนมจันอับ ซาลาเปา ขนมไหว้นี้ต้องมีสีชมพู หรือมีแต้มจุดแดง
- ขนมไหว้พิเศษ ขนมเข่ง ขนมเทียน ต้องมียืนเป็นหลัก
- ผลไม้ ส้ม กล้วยทั้งหวีเลือกเขียวๆ องุ่น แอ๊ปเปิ้ล ชมพู่ ลูกพลับ
- เครื่องดื่ม น้ำชา 5 ที่หากมีไหว้ของคาวจะไหว้เหล้าด้วยก็ได้ก็จัด 5 ที่เช่นกัน
- กระดาษเงิน กระดาษทอง ชุดไหว้เจ้าที่ จำนวนธูปไหว้ คนละ 5 ดอก
จำนวนชนิดของขนมไหว้ นิยมให้สอดคล้องกับของคาว เช่น ไหว้ ของคาว 3 อย่าง
ขนม 3 อย่าง ผลไม้ 3 อย่าง
อื้ คำนี้ แปลว่ากลมๆ ขนมอี๊กลมๆ แป้งนิ่มๆ
เคี้ยวง่าย กลืนง่าย ให้ความหมายมงคลอวยพรให้ชีวิตราบรื่นง่ายดายเหมือนขนมอี๊ที่ไหว
้และรับประทาน
- ของไหว้บรรพบุรุษ ประกอบด้วย
- ของคาว หมู เป็ด ไก่ ตับ ปลา แล้วแต่ว่าจะไหว้มากหรือน้อย
- ไหว้ 3 อย่าง เรียกว่า ชุดซาแซ ประกอบด้วย หมู เป็ด ไก่
- ไหว้ 5 อย่าง เรียกว่า ชุดโหงวแซ ประกอบด้วย หมู เป็ด ไก่ ตับ ปลา
- กับข้าว นิยม 8 อย่าง หรือ 10 อย่าง โดยให้มีของน้ำ 1 อย่าง
- ข้าว ข้าวสวยใส่ชาม พร้อมตะเกียบ จำนวนชุดตามจำนวนบรรพบุรุษ
นิยมนับถึงแค่รุ่นปู่ย่า
- ขนมไหว้ ฮวกก้วยหรือขนมถ้วยฟู คักท้อก้วยหรือขนมกุยช่าย(เป็นไส้ชนิดใดก็ได้)
- ขนมจันอับ ซาลาเปา ขนมไหว้นี้ต้องมีสีชมพู หรือมีแต้มจุดแดง
- ขนมไหว้พิเศษ ขนมเข่ง ขนมเทียน ต้องมียืนเป็นหลัก
- ผลไม้ ส้ม กล้วยทั้งหวีเลือกเขียวๆ องุ่น แอ๊ปเปิ้ล ชมพู่ ลูกพลับ
- เครื่องดื่ม น้ำชา 5 ที่ หากมีไหว้ของคาวจะไหว้เหล้าด้วยก็ได้ ก็จัด5
ที่เช่นกัน
- กระดาษเงิน กระดาษทอง ต้องมี อ่วงแซจิ่ว สำหรับใบเบิกทางให้บรรพบุรุษลง
มารับของไหว้
- ทองแท่งสำเร็จรูป แบงก์กงเต็ก ค้อซี ฯลฯจะมากหรือน้อยแล้วแต่เรา จำนวนธูปไหว้
คนละ 3 ดอก
การไหว้ ไหว้ที่หน้ารูปบรรพบุรุษ หลังจากไหว้เจ้าที่เสร็จแล้ว
จำนวนชนิดของขนมไหว้ นิยมให้สอดคล้องกับของคาว เช่น ไหว้ของ คาว 3 อย่าง ขนม 3
อย่าง ผลไม้ 3 อย่าง
การปฎิบัติตนในวันตรุษจีน
ในวันตรุษจีน หรือวันชิวอิด ในหมู่คนจีนจะทราบกันว่า นี่คือ
"วันถือ" ถือที่จะทำในสิ่งที่ดี และไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดี
- ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่สวยงาม
- ยิ้มแย้มแจ่มใส
- พูดแต่ "หออ่วย" แปลว่า คำดีๆ
- ไม่อารมณ์เสียหงุดหงิด
- ไม่ทำงานหนัก เพื่อที่ว่าตลอดปีจะได้ไม่ต้องทำงานหนักนัก
- ไม่กวาดบ้าน เพราะอาจปัดสิ่งดีๆ มีมงคลออกไป แล้วกวาดความไม่ดีเข้ามา
- เริ่มต้นเช้าวันตรุษ คนในบ้านก็จะทักทายกันด้วยคำอวยพร "ซินเจียยู่อี่
ซินนี้ฮวดไช้" หมายถึง เวลาใหม่ให้สมใจ ปีใหม่ให้สมปรารถนา

|
อั่งเปา
ในวันตรุษจีน
มีคำจีนโบราณเรียกว่า "เอี๊ยบซ้วยจี๊" เป็นเงินสิริมงคลที่ผู้ใหญ่ให้แก่ลูกหลาน
เพื่ออวยพรให้มีสุขภาพแข็งแรง และเจริญก้าวหน้า ธรรมเนียมหนึ่งในวันตรุษจีนคือการไป
"ไป๊เจีย" หรือการไปไหว้ขอพร และอวยพรผู้ใหญ่ หรือญาติมิตร โดยส้มสีทอง 4
ผลห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าผู้ชาย ที่นิยมใช้กันแต่ส้มสีทอง ไม่ใช้ส้มเขียว
เพราะสีทองเป็นสีมงคล ทองอร่ามเรืองจะอวยพรให้รุ่งเรือง เช่นเดียวกับส้ม
ที่คนจีนเรียกว่า ไต้กิก แปลว่า โชคดี ส้มสีทองที่มอบแก่กันคือ นัยอวยพรให้
"นี้นี้ไต้กิก" แปลว่า ทุกๆ ปีให้โชคดีตลอดไป
ส้มสีทอง 4 ใบ เมื่อเจ้าบ้านรับไป จะเป็นการรับไปเปลี่ยน โดยเปลี่ยนส้ม 2
ใบของแขกกับ 2 ใบของที่บ้าน แล้วคืนส้ม 4 ใบ คืนให้แขกนำกลับไป หมายถึง
การที่ต่างฝ่าย ต่างให้โชคดีแก่กัน
การติดฮู้
เป็นธรรมเนียมที่นิยมถือทำในวันตรุษจีน เช่น การติด "ฮู้" หรือยันต์แผ่นใหม่
เพื่อคุ้มครองบ้าน ติด "ตุ้ยเลี้ยง"
หรือแผ่นคำอวยพรที่ปากทางเข้าบ้าน