ReadyPlanet.com
dot
ประวัติอาจารย์
dot
bulletประวัติอาจารย์หยังกง
bulletประวัติอาจารย์จางจื่อน่ำ
bulletประวัติอาจารย์ เซ้าคังเจี๋ย
dot
บทความของอาจารย์ท่านอื่นๆ
dot
bulletบทความ อ.เชียร บางบอน
bulletบทความ อ.ฮิม เมืองเลย
dot
รวมลิงค์
dot
bulletsanook.com
bulletpayakorn.com
bulletmeesook.com
bullethunsa.com
bulletpantip.com
dot
รับข่าวสาร

dot


Software บน Pocket PC / Plam




โรจน์ จินตมาศ

ดูดวง,โหราศาสตร์,ยูเรเนี่ยน,กาลโยค,พยากรณ์ฟุตบอล



การเลือกที่ดินตามหลักฮวงจุ้ย article

ฮวงจุ้ย ตอน การเลือกที่ดินตามหลักฮวงจุ้ย
     ฮวงจุ้ยที่ดีนั้นแท้จริงแล้วเริ่มต้นตั้งแต่การเลือกทำเลตามที่ต่างๆให้ดีก่อน เรียกได้ว่าถ้าได้ทำเลดีนั้นก็ทำให้มีชัยไปกว่าครึ่งจริงๆ โดยเฉพาะหากเลือกที่ดินเหมาะสมกับดวงชะตา ก็เป็นการเพิ่มเติมพลังให้กับชีวิต และในทางปัจจุบันมีการออกแบบสิ่งปลูกสร้างให้ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยที่สอดคล้องกับหลักสถาปัตยกรรมวิศวกรรมนั้นก็จะเป็นสิ่งที่สร้างความเจริญรุ่งเรืองอย่างสูงสุดได้ไม่ว่าสิ่งปลูกสร้างนั้นจะเป็นที่พักอาศัยประเภท ห้องเช่า คอนโด ทาวน์เฮาท์ บ้านแฝด บ้านเดี่ยว อ๊อฟฟิตสำนักงาน โรงงาน รวมทั้งอาคารทุกประเภทก็ตาม ซึ่งหากว่าเราเลือกที่ดินที่มีชัยภูมิหรือฮวงจุ้ยที่ดีแล้วนั้นย่อมส่งผลที่ดีสำหรับการออกแบบสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ให้มีฮวงจุ้ยดีตามมาด้วยเช่นกัน เพราะทำเลที่ดีนั้นง่ายต่อการออกแบบให้ฮวงจุ้ยดีและสอดคล้องกับหลักสถาปัตยกรรมด้วย เรียกว่าได้ว่าที่ดินมันเป็นหลักของการเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการจัดฮวงจุ้ยเลยที่เดียว เพราะหากเริ่มต้นจากสิ่งที่ถูกต้องแต่ต้นนั้นก็เหมือนเป็นการชี้นำขั้นตอนการออกแบบรวมถึงการปลูกสร้างอาคารไปในทางที่ถูกต้องเลยที่เดียว ซึ่งรวมถึงการลดค่าใช้จ่ายต่างๆเพื่อปรับปรุงแก้ไขอาคารให้กลับมามีฮวงจุ้ยที่ดีอีกด้วย
     แต่หากเลือกที่ดินมีฮวงจุ้ยไม่ดี หรือพอใช้ได้นั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องนำมาปรับแต่งนั้น คือ การออกแบบปรับอาคารต่าง ๆ ในที่ดินให้สอดคล้องตามหลักฮวงจุ้ย ให้ส่งเสริมคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่การออกแบบนั้นก็จะมีข้อจำกัดตามสภาพของที่ดินที่ถูกเลือกไว้แล้วเช่นกัน ซึ่งบางที่ดินนั้นก็สามารถแก้ไขสิ่งไม่ดีต่างๆโดยการออกแบบอาคารให้เหมาะสมตามหลักฮวงจุ้ยได้ แต่ขณะที่บางสถานที่นั้นก็ยากที่จะออกแบบให้สอดคล้องกับหลักฮวงจุ้ยเพราะชัยภูมิของที่ดินบริเวณนั้นๆไม่เอื้ออำนวย เพราะเราต้องไม่ลืมว่าอาคารสิ่งปลูกสร้างในแต่ละที่ดินนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือกได้ ออกแบบเองได้ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่เรามี แต่ชัยภูมิของที่ดินนั้นเราไม่สามารถเปลี่ยนได้เลย
     ยกตัวอย่างเช่น หากที่ดินด้านหน้ามีถนนและด้านหลังมีแม่น้ำที่ไหลตลอดนั้น เราไม่สามารถเปลี่ยนให้ด้านหน้าที่ดินเป็นอย่างอื่นนอกจากถนน เช่นเดียวกับเปลี่ยนด้านหลังที่ดินที่มีแม่น้ำให้กลายเป็นอย่างอื่น บางอาคารมีทางสามแพร่งพุ่งเข้ามาชน บางอาคารมีตึกสูงใหญ่มาบังด้านหน้า ด้านข้าง หรือด้านหลังก็แล้วแต่ เราก็ไม่สามารถปรับย้ายทางสามแพร่ง ตึกสูงใหญ่เหล่านี้ได้เลย ดังนั้นเราจึงได้แต่ออกแบบอาคารในที่ดินเราเองให้สอดคล้องกับชัยภูมิรอบด้านนั้นๆ ภายในกรอบที่จำกัดของที่ดินของเราเองเท่านั้น
     หลายคนไม่เข้าใจคิดว่าเลือกทำเลนั้นไม่สำคัญเท่ากับการออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย แต่แท้จริงแล้วทำเล และ ชัยภูมิต่าง ๆ ของทำเลนั้นแหละเป็นตัวกำหนดการออกแบบให้สอดคล้องตามหลักฮวงจุ้ยที่ดีนั้นเอง ซึ่งเราลองมาดูหลักการคร่าวๆ สำหรับ การเลือกที่ดินดังนี้

  1. ที่ดินนั้นจะต้องมีจุดรับ และ เก็บกระแสพลังงานที่ดี เช่น กระแสลม ซึ่งคำว่า ฮวง นั้นก็แปลว่าลม ส่วนคำว่า จุ้ย แปลว่าน้ำ (ที่จริง คำว่า ฮวงจุ้ย เป็นคำเปรียบเทียบเท่านั้นเอง) โดยลมนั้น เป็นตัวนำพาพลังงานที่เคลื่อนไหว และ น้ำนั้น ก็เป็นตัวสะสมพลังงาน ซึ่งเราควรเลือกที่ดินที่ได้รับพลังมากก่อนโดยดูว่าหากสร้างสิ่งปลูกสร้างมาแล้วบริเวณด้านหน้าหรือ ทิศประตู ทางเข้าหลักของสิ่งปลูกสร้างในที่ดินนั้น ๆ มีความโล่งมากน้อยแค่ไหน หากโล่งมาก ก็แปลว่า กระแสลมที่พัดนำพาพลังงานนั้นสามารถลากพลังงานเข้ามาสะสมในบริเวณทำเลนั้นได้ง่ายก็จะยิ่งเป็นผลดี เช่น บริเวณด้านหน้าที่ดินเป็นถนนมีที่ขนาดใหญ่ มีสายน้ำที่เคลื่อนไหว หรือบริเวณด้านหน้าที่ดินนั้นไม่มีอาคารสิ่งปลูกสร้างใหญ่ ๆมาบดบังกระแสพลังงาน หรือ ทำเลที่ดินนั้นอยู่ใกล้จุดตัดของถนน เช่น สามแยก สี่แยกซึ่งมีรถผ่านไปมาจำนวนมากโดยรถยนต์นั้นเมื่อเคลื่อนไหวก็ลากกระแสลมที่นำพาพลังงานมาได้ด้วยเช่นกัน หรือ ที่ดินที่หันหน้าเจอช่องลม ช่องอากาศขนาดใหญ่ เป็นต้น โดยการเลือกที่ดินที่มีจุดจ่ายกระแสพลังงานเข้าในที่ได้นั้นจัดว่าเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการเลือกที่ดิน
  2. เลือกที่ดินนั้นหันหน้าเข้าหาทิศทางกระแสพลังงาน เพื่อรับพลังงาน โดยประเทศไทยนั้น คือพลังงาน ลม จะมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดในช่วงฤดูร้อน และ ฤดูฝน มีระยะ เวลา 6-8 เดือนต่อปีหรือยาวนานที่สุดของปีก็ว่าได้ ส่วนลมที่มาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงฤดูหนาวที่มีระยะเวลา 3-4 เดือนต่อปีหรือมีระยะเวลาสั้นกว่า ดังนั้น คนไทยเชื้อสายจีน ส่วนใหญ่ก็จะนิยมเลือกที่ดินที่สามารถสร้างอาคารให้หันหน้าไปในส่วนของแกนพลังงาน ของโลก ซึ่งเป็นทิศทาง ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก โดยส่วนมากจะมีการเลือกหันทางทิศใต้ เพื่อรับลมเข้าทางหน้าบ้าน เนื่อง จากทิศใต้นั้น ได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทิศที่ลมพัดยาวนานสุดของปี ส่วนที่ดินที่สร้างอาคารให้หันหน้าทางทิศตะวันตก และทิศตะวันตกเฉียงใต้นั้นก็ได้รับพลังงานจากกระแสลมที่มาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ด้วยซึ่งก็จัดว่าเป็นทิศที่ดี เพียงแต่ทิศนี้จะรับแดดมากในช่วงเวลาบ่ายจึงทำให้คนไม่นิยมสร้างอาคารหันหน้าไปทิศเหล่านี้ทั้งๆที่เป็นทิศที่ดีเช่นเดียวกัน
  3. รูปทรงของที่ดินนั้น ก็ต้องมีความลึกไม่มากเกินไป เนื่องจากที่ดินมีความลึก จากถนนมากเกินไปก็มีโอกาสที่จะได้รับกระแสของพลังงานที่จะส่งเข้าไปส่วนของที่ลึกทำได้ลำบาก หรือว่ายาก เรียกว่าไม่สามารถสะสมพลังงานได้เต็มที่ เนื่องจากถนนนั้นจัดเป็นจุดจ่ายกระแสพลังงานหลักเพราะการเคลื่อนไหวของคน และรถยนต์นั้น เป็นการนำพากระแสพลังงานผ่านด้านหน้าของที่ดินตลอด ดังนั้นหากอาคารที่ปลูกสร้างลึก หรือ ห่างจากบริเวณถนน ก็มีโอกาสได้รับกระแสพลังงานน้อย
  4. ควรเลือกที่ดินที่มีด้านกว้าง โดยรูปทรงที่ดินหากมีด้านหน้าแคบแต่ด้านหลังที่ดินกว้างซึ่งหลายคนเรียกว่ารูปทรงถุงเงินและเข้าใจว่าเป็นรูปทรงของที่ดินฮวงจุ้ยที่ดีนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงเสมอไป สมัยก่อนนั้นมีการเรียกเก็บภาษีของที่ดินโดยดูจากความแคบกับกว้างของหน้าที่ดิน ยิ่งหน้าที่ดินยิ่งกว้างก็ยิ่งเสียภาษีมากกว่าจึงเป็นสาเหตุให้สมัยก่อนกล่าวว่าดินที่มีลักษณะหน้าแคบเป็นถุงเงินนี้เป็นฮวงจุ้ยที่ดี เพราะเสียภาษีน้อย แต่ความเป็นจริงแล้วในปัจจุบันนั้นหลายคนคงมองต่างกันเพราะที่ดินย่านการค้าที่มีหน้ากว้างนั้นก็สามารถออกแบบอาคารให้คนเข้าถึงอาคารได้ง่ายกว่าและเหมาะกับการค้าขายมากกว่า ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยแล้วที่ดินที่มีหน้ากว้างติดถนน ถือว่าเป็นที่ดีที่ดีเพราะสามารถรับกระแสพลังงานจากการเคลื่อนไหวของคนเดิน หรือ รถยนต์ได้ตลอดเวลา
  5. ควรเลือกที่ดินที่มีองศาทิศทางดี โดยควรเป็นองศาที่คำนวนออกมาทางฮวงจุ้ยแล้วเป็นทิศทางที่มีพลังดีเข้ามาสะสม เพราะเมื่อปลูกสร้างอาคารขนานกับแนวที่ดินนั้นแล้ว ก็จะทำให้อาคารนั้นได้รับพลังงานจากทิศทางที่ดี โดยแท้จริงแล้วไม่ว่าจะทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศต่างเหล่านี้ สามารถได้รับพลังงานดีและพลังงานร้ายได้หมด โดยขึ้นอยู่กับองศาของทิศแต่ละทิศนั้น ซึ่งการจะตอบได้ว่าองศาทิศทางของที่ดินนั้นดีหรือไม่ดีนั้นควรปรึกษาผู้มีความร้ หรือผู้เชี่ยวชาญ “ซินแส” น่าจะเป็นสิ่งดีที่สุด
  6. ควรเลือกที่ดินที่สามารถสร้างอาคารหันหน้าหรือมีช่องเปิดรับพลังงานจากทิศที่เหมาะสมสอดคล้องกับดวงชะตาผู้อยู่อาศัยทั้งหมด โดยหากชอบธาตุน้ำก็เลือกที่ดินที่สร้างอาคารหันหน้าหรือมีช่องรับพลังทางทิศเหนือได้ดี ส่วนดวงชอบธาตุไฟก็เลือกทิศใต้ ดวงชอบธาตุไม้ก็ทิศตะวันออก ดวงชอบธาตุทองก็ทิศตะวันตก เป็นต้น ซึ่งการจะรู้ว่าพื้นดวงนั้นถูกโฉลกกับธาตุใดบ้างนั้นคงต้องให้ทางซินแส เป็นผู้วิเคราะห์ดวงชะตา โดยใช้ความรู้ทางด้านศาสตร์ของการวิเคราะห์ ดวงจีน หรือที่เรียกว่า “ระบบโป๊ยหยี่สี่เถียว”นั้นเอง โดยดวงจีนนั้นแบ่งเป็น 5 ธาตุคือ ดิน ทอง น้ำ ไม้ ไฟ ซึ่งต่างจากศาสตร์การพยากรณ์ดวงไทย ที่แบ่งเป็น 4 ธาตุคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ดังนั้นจึงไม่สามารถนำเอาการพยากรณ์ดวงไทยมาอ้างอิงได้ ในปัจจุบันนักวิเคราะห์ดวงไทย ก็มีการเน้นในการประยุคใช้กับการเลือกที่ดินในศาสตร์ฮวงจุ้ยที่เป็นระบบแบบจีนมากขึ้น แต่หากใช้ให้ถูกต้องแนะนำให้เลือกใช้งานที่เป็นของคู่กันดีกว่าครับ

     สรุปว่าการเลือกทำเล หรือ ชัยภูมิ ที่ดีนั้นทำให้มีประโยชน์มากมายมหาศาล ทำให้ส่งเสริมตัวเรา คนในครอบครัว และกิจการร้านค้า เพื่อไม่ท่านมีการพลาดท่าเพลี่ยงพล้ำกับการลงทุน หรือ เสียโอกาส ก็ควรหาผู้เชี่ยวชาญ หรือ ผู้รู้ (กูรู ปัจจุบันนำมาใช้ในการหาข้อมูล ใน Google ) มาให้คำปรึกษาดีกว่านะจะบอกให้

อ.สมพร บ้านฮวงจุ้ย

 




ฮวงจุ้ย-พยากรณ์

ฮวงจุ้ย ตอน ตี่จู้ วางตำแหน่งไหนดี article